กระทรวง สาธารณสุข ยืนยันกรณีพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่จังหวัดเชียงใหม่ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอช1 เอ็น 1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทยตลอดปีและพบได้ทั่วโลกไม่ใช่สายพันธุ์ ใหม่ และไม่ใช่ไข้หวัดนกตามที่เป็นข่าวชี้โรคไข้หวัดใหญ่ติดต่อได้ง่ายทางการ หายใจ ไอจามรดกันถ้าเป็นไข้หวัด ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคไปติดผู้อื่น หากอาการไม่ได้ขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการหอบเหนื่อย ให้รีบพบแพทย์
นายแพทย์ณรงค์สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่ข่าว พบผู้ป่วยเสียชีวิต 1 รายที่จังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้ทราบผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่าติด เชื้อเอช 1 เอ็น1ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เดิมและมีรายงานพบผู้ป่วยใน ประเทศไทยได้ตลอดปีเรียกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่แต่ อย่างใด และไม่ใช่ไข้หวัดนกตามที่มีข่าว จึงขอให้ประชาชนทั่วประเทศสบายใจได้ ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 เชียงใหม่ ดำเนินการสอบสวนควบคุมป้องกันโรคแล้วโดยผลจากการเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มแข็ง ของกระทรวงสาธารณสุข ทั่วประเทศยังไม่พบสัตว์ปีกหรือคนติดเชื้อไข้หวัดนกแต่อย่างใด
นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่าจากข้อมูลการเฝ้าระวังโรค ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 ถึง 25 มกราคม 2557พบรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 1,835 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยกลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ 35-44 ปี รองลงมา คือ 25-34 ปี และ 10-14 ปีจังหวัดที่มีอัตราป่วยตายต่อประชากรสูงสุด 5อันดับแรก คือ พะเยา, อุตรดิตถ์, ภูเก็ต, กรุงเทพมหานครและเชียงราย ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ ภาคเหนือ,ภาคกลาง, ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลําดับ และจากข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในช่วงวันที่ 19–25 มกราคม2557 ได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างจากผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และกลุ่มอาการปอดบวม จำนวน 70 ราย พบว่า ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จำนวน 14 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 โดยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ เอช1 เอ็น1 ( A H1N1) และ สายพันธุ์เอ เอช 3 เอ็น 2 ( A H3N2 ) ในอัตราเท่ากัน คือร้อยละ 36 และพบไข้หวัดใหญ่ชนิดบี ( B) ร้อยละ 29 นอกจากนี้ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ล่าสุดเมื่อวันที่27 มกราคม 2557 ภาพรวมทั่วโลกจากการเฝ้าระวังผู้ป่วยใน72 ประเทศ พบว่าติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอ เอช1 เอ็น1 (A H1N1) มากที่สุด
ทางด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอช 1 เอ็น1 เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง และมีวัคซีนป้องกัน ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง สามารถพบได้ในผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่บางรายเช่น ในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุมากกว่า 65ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ หญิงมีครรภ์ และผู้เป็นโรคอ้วน เป็นต้น
นาย แพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า โรคไข้หวัดใหญ่ ติดต่อได้ง่าย ภายในครอบครัว ที่ทำงาน โรงเรียน โดยเชื้อที่อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย แพร่จากผู้ป่วยเมื่อไอ จาม และปนเปื้อนอยู่ที่ภาชนะ ของใช้ส่วนตัว หรือของใช้สาธารณะ เช่น ลูกบิด ปุ่มกดลิฟท์ ราวบันได ราวรถโดยสาร และติดต่อเข้าสู่ร่างกายโดยมือที่เปื้อนเชื้อ เมื่อแคะจมูก ขยี้ตา เอานิ้วเข้าปาก เป็นต้น ในประเทศไทย ไข้หวัดใหญ่เกิดได้ตลอดปี โดยพบผู้ป่วยมาก ในช่วงกลางปี คือฤดูฝนต่อฤดูหนาวดังนั้นประชาชนทุกคนควรเอาใจใส่ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ดังนี้
1.ผู้ ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่หากป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ และผู้มีโรคอ้วน ควรไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ กระทรวงสาธารณสุขจะให้วัคซีนฟรีแก่กลุ่มเสี่ยงดังกล่าวเป็นประจำทุกปี
2. ผู้ที่เป็นหวัด สวมหน้ากากอนามัยปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม ด้วยกระดาษทิชชู หรือแขนเสื้อของตนเองเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
3.ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ เช็ดทำความสะอาดพื้นผิว และสิ่งของที่มีคนสัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป
4.หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้ป่วย ในระยะ 1 เมตร และในพื้นที่ที่มีการระบาด ไม่ควรเข้าไปในสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค เช่น สถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่สะดวกเป็นเวลานาน หากจำเป็นเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวต้องป้องกันตนเองอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรสวมหน้ากากอนามัย
5.งดกิจกรรมการเดินทาง หยุดเรียน หยุดงาน เมื่อป่วยเป็นไข้หวัด จนกว่าจะหายเป็นปกติแล้วอย่างน้อย 1วัน และในช่วงเวลาดังกล่าวหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
6.แหล่ง ที่มีคนอาศัยอยู่ร่วมกันจำนวนมาก เช่น ค่ายทหาร โรงเรียน มีความเสี่ยงที่จะแพร่กระจายเชื้อได้มาก ให้แยกผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ไม่อยู่ปะปนกับคนอื่น ดูแลรักษาอาการ และให้ผู้ป่วยพักผ่อนมากๆ และไม่ควรออกกำลังกายหนัก มิฉะนั้นอาจทำให้อาการผู้ป่วยทรุดลง เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ โรคนี้อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเองเรื่อยๆแต่ หากนานเกิน2-3 วันยังไม่หายหรือไม่ดีขึ้น หรือเริ่มมีอาการหอบเหนื่อย ให้รีบพบแพทย์
ประชาชนที่มีความสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง